วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นายกสมาคมผู้เลี้ยงหมูภาคใต้ ชี้เขียงหมูไม่มีขาดทุน

หมูวิกฤต ขาดอาหารหลัก รำข้าวโรงสีเก็บแต่ข้าวเปลือก ไม่ยอมสีข้าวออก อีกทั้งราคาขยับพุ่ง ปัญหาหมูแพง เพราะขาดแคลนจริงๆ ไม่ได้กักตุน ปัจจัยน้ำท่วมภาคใต้ อีกทั้งหมูภาคกลางส่งขายภาคเหนือ อีสาน ใต้ต้องพึ่ง ราคาต้นทุนสูงขึ้น พอถึงเขียงราคาก็คูณ 2 จึงทำให้แพงขึ้นอีก ชี้ เขียงหมูไม่เคยขาดทุน ตอนนี้ถูกควบคุมเนื้อแดง ก็เอาเนื้อกลุ่มอื่นๆ มาทำราคาทดแทน
      
       
วันที่ 14 ส.ค.54 นายวิชัย มงคล นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดพัทลุง และอุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า เขียงหมูตลาดสดเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา มีผู้ค้าส่งให้ตั้งแต่ผู้เลี้ยงสุกร จ.ตรัง พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช และ จ.นครปฐม ปัจจุบันสุกรมีชีวิตราคาควบคุมที่หน้าฟาร์ม ภาคใต้ 87 บาท แต่ที่พัทลุงขายเพียง 82 บาท/กก.
      
       “
สุกรประเภท 100 กก. เดิมเขียงจะมีกำไร 700 บาท ถึง 1,500 บาท ซึ้งขณะนี้มาเหลืออยู่ที่ 300 บาท จึงไม่พึงพอใจ ในขณะนี้ผู้เลี้ยงสุกรเองมีกำไรประมาณ 1,000 บาท/ตัว แต่เวลาขาดทุน ประมาณ 1,200 บาท/ตัว ผู้เลี้ยงสุกรที่มีจำนวนหลายร้อยตัวหลายพันตัว ก็ขาดทุนมากที่ผ่านมา
      
       
นายเกรียงศักดิ์ เสรีรัตน์ยืนยง นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ภาวะที่สุกรในภาคใต้ขาดแคลนเนื่องจากปัญหาเกิดอุทกภัยในภาคใต้ที่ผ่านมา ความจริงสุกรในภาคใต้ พอเพียงต่อการบริโภค เมื่อขาดแคลนก็ต้องพึ่งพาจากภาคกลาง จึงทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้นทุนที่มาจากภาคกลางโดยรวมสูงขึ้นถึง 6 บาท/กก.
      
       “
สุกรที่เกิดภาวะวิกฤต จากไม่เคยเจอมาในรอบหลายปี ประเด็นสำคัญ เกิดโรคระบาดในสุกร ในภูมิภาคนี้ และไทยค้าส่งไปยังประเทศลาว กัมพูชา เนื่องจากมีราคาที่สูงกว่า จนภายในประเทศต้องขาดแคลนสุกรขนาด 105-110 กก. จนต้องนำสุกรขนาด 80 กก.ออกมาขาย และกว่าจะเข้ารอบอีกจะต้องใช้เวลา 4 ถึง 6 เดือน จนทำให้ขาดแคลนเพิ่มขึ้น
      
       
นายเกรียงศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ราคาควบคุมหน้าฟาร์มสุกรมีชีวิต 87 บาท/กก. สุกรเนื้อแดงชำแหละ ราคาควบคุม 162 บาท/กก. ซึ่งเป็นการควบคุมราคา 2 ข้าง ซึ่งเดิมควบคุมแต่สุกรหน้าฟาร์มของเกษตร ทำให้พ่อค้าเขียงหมูซื้อสุกรราคาถูก ก็ยังคงนำมาขายในราคาเดิม ซื้อราคาสูงก็ราคาคงเดิมและขยับขึ้น พ่อค้าเขียงมีแต่กำไรกับทรงตัวที่ผ่านมา
      
       
นายเกรียงศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับเขียงหมูไม่ได้มีปัญหาขาดทุนแต่มีกำไรน้อย จึงต้องออกมา เพราะถ้าสุกรมีชีวิตราคาควบคุมอยู่ที่ 87 บาท/กก. เขียงก็จะต้องทำราคาอยู่ที่ 174 บาท แต่รัฐควบคุมขายอยู่ที่ 162 บาท ซึ่งเป็นเนื้อแดง แต่รัฐบาลไม่ได้ควบคุเนื้อในส่วนอื่นๆ เขียงจึงเอากลุ่มเนื้อ ซี่โครง 3 ชั้น กระดูกอ่อน เนื้อหัวไหล่ เนื้อสันคอ กลุ่มนี้มาทำราคาอยู่ที่ 130 บาท และ 145 บาทมาทดแทน โดยปกติเนื้อกลุ่มนี้ราคาจะห่างกับเนื้อแดงประมาณ 30 บาท
      
       “
สำหรับเขียงแล้วไม่ประสบภาวะขาดทุน ทรงตัวกับกำไรเท่านั้นแต่ผู้เลี้ยง มีกำไรกับขาดทุน และเวลาขาดทุนก็หมดตัว ทั้งบ้านและโฉนดที่ดิน เพราะบางรายที่เลี้ยง 500 แม่ ต้องลงทุนถึง 80-100 ล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่ได้เหลียวแลอะไรเลย
      
       
นายเกรียงศักดิ์กล่าวต่ออีกว่า ในขณะนี้เกิดภาวะวิกฤตขาดรำข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของสุกรในการเลี้ยง ไม่มีรำข้าว เพราะโรงสีข้าวเก็บข้าวเอาไว้ไม่ทำการสีข้าวออกมา และราคารำข้าวจากเดิม 8 บาท/กก. ก็ขยับขึ้น 10 บาท/กก., ถั่ว 11 บาท/กก. ขยับเป็น 15 บาท/กก. ซึ้งอาหารสุกรโดยภาพรวมแล้วขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์
      
       “
แนวโน้มสุกรต้องปล่อยไปตามกลไกการตลาด รัฐบาลเข้าเล่นกับสุกรจนเกินไป เกษตรกรไม่มีสินค้าจริงๆ ไม่มีการกักตุนสุกร จึงขอแนะผู้บริโภคโปรตีนเมื่อเห็นว่าสุกรมีราคาสูง จึงควรหันไปรับประทานเนื้อไก่แทนก่อน จนอีกระยะเวลาหนึ่งราคาสุกรจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: