รั้วกั้นกำแพงเมืองเก่าสงขลาเพื่อรอการบูรณะ ความสูงสองเมตรครึ่งพังเสียหายจากลมและฝนพัดกระหน่ำเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวกำแพง รถยนต์หรือผู้คนที่ผ่านไปมา จนท.เร่งบูรณะให้แล้วเสร็จในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อรับมือกับภาวะฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุม
วันที่ 26 ต.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 02.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุฝนและลมพัดกระหน่ำในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลาตั้งแต่กลางดึก เมื่อคืนที่ผ่านมา ค่อนข้างรุนแรง ปรากฏว่าได้สร้างความเสียหายให้กับรั้วที่กั้นรอบกำแพงเมืองเก่าสงขลาที่ อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมจากเหตุพายุฝนพัดถล่มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหล็ก อะลูมิเนียม และตาข่ายผ้า ความสูงสองเมตรครึ่ง ซึ่งเป็นรั้วที่ตั้งอยู่ริมถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
โดยรั้วที่พังลงมามีความยาวประมาณ 100 เมตร ลมได้พัดมากองอยู่ริมถนน แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของกำแพงเมืองเก่าสงขลาแต่อย่างใด เนื่องจากฐานของรั้วได้ยึดไว้กับดินไม่ได้ยึดกับตัวกำแพง และโชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถยนต์และผู้คนผ่านไปมาจึงไม่ได้สร้างความเสีย หายและไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสักศิลปากรที่ 13 สงขลา เผยว่า ในวันนี้จะนำเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการซ่อมแซมรั้วที่พังเสียหาย เพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างถนนกับตัวกำแพงเมืองสงขลาซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ ระหว่างการบูรณะซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อรับมือกับภาวะฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมในขณะนี้ไม่ให้โครงสร้างกำแพง เมืองเก่าสงขลาเสียหายมากขึ้น
วันที่ 26 ต.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 02.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุฝนและลมพัดกระหน่ำในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลาตั้งแต่กลางดึก เมื่อคืนที่ผ่านมา ค่อนข้างรุนแรง ปรากฏว่าได้สร้างความเสียหายให้กับรั้วที่กั้นรอบกำแพงเมืองเก่าสงขลาที่ อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมจากเหตุพายุฝนพัดถล่มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหล็ก อะลูมิเนียม และตาข่ายผ้า ความสูงสองเมตรครึ่ง ซึ่งเป็นรั้วที่ตั้งอยู่ริมถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
โดยรั้วที่พังลงมามีความยาวประมาณ 100 เมตร ลมได้พัดมากองอยู่ริมถนน แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของกำแพงเมืองเก่าสงขลาแต่อย่างใด เนื่องจากฐานของรั้วได้ยึดไว้กับดินไม่ได้ยึดกับตัวกำแพง และโชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถยนต์และผู้คนผ่านไปมาจึงไม่ได้สร้างความเสีย หายและไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสักศิลปากรที่ 13 สงขลา เผยว่า ในวันนี้จะนำเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการซ่อมแซมรั้วที่พังเสียหาย เพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างถนนกับตัวกำแพงเมืองสงขลาซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ ระหว่างการบูรณะซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อรับมือกับภาวะฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมในขณะนี้ไม่ให้โครงสร้างกำแพง เมืองเก่าสงขลาเสียหายมากขึ้น
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น