คกก.สิทธิมนุษยชนฯ เรียกผู้เกี่ยวข้องให้ข้อเท็จจริงโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง อ.จะนะ ชาวบ้านชี้สาเหตุน้ำท่วมมาจากทำถนนโดยไม่มีระบบระบายน้ำ ตอกซุกแผนป้อนน้ำอุตสาหกรรมมากกว่า ด้านตัวแทนกรมชลประทานอ้างอยู่ระหว่างทำความเข้าใจกับชาวบ้าน
จากเครือข่ายประชาชนรักษ์สิ่งแวดล้อมสงขลาได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไป ยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ก.พ.55 นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะอนุกรรมการฯ ได้ลงมารับฟังความคิดเห็นกรณีโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ และกรณีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอจะนะ ที่โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานก่อสร้างที่ 11 สำนักงานโครงการขนาดใหญ่ สำนักงานบำรุงทางสงขลาที่ 2 องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา และการทางรถไฟอ.จะนะ และนักวิชาการเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียด
นายเฉลิมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างที่ 11 สำนักงานโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กล่าวว่า ทางกรมชลประทานได้ศึกษาโครงการ เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบให้กับคนในพื้นที่ โดยการปล่อยให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ มีการวางแผนการดำเนินโครงการไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 มีการขุดลอกคลองปรับปรุงคลองเชื่อม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น
ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ และอยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ซึ่งไม่สามารถออกแบบระบบให้ใหญ่และการันตีได้ว่าน้ำไม่ท่วมอีก แต่สามารถให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการระบายน้ำได้ ปัจจุบันได้มีการขยายประตูระบายน้ำให้กว้างขึ้น ได้มีการขุดลอกคลองตอปลายของคลองน้ำเค็ม ซึ่งในปี พ.ศ.2555-2556 นี้จะพยายามเร่งขุดเพื่อระบายน้ำจาก อ.นาทวีให้ไหลลงสู่ทะเลได้
นายอดิเรก หมัดหมาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทับ กล่าวว่า พื้นที่ ต.นาทับ เป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ปัญหาในวันนี้คือชาวบ้านไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการชดเชยกันอย่างไร ตำแหน่งทางน้ำเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือจุดคลองที่ไหลลงสู่ทะเลซึ่งเป็นปัญหามาก ยกตัวอย่างคลองนาทับเดิมที่มีการสร้างเขื่อนกันทรายทำให้เกิดการกัดเซาะ อย่างรุนแรง บ้านสวนกง หมู่ที่ 11 ต.นาทับ จะเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ประเด็นปัญหาคือทางชลประทานได้ลงพื้นที่ชี้แจงชาวบ้านอย่างชัดเจนหรือไม่
ในประเด็นนี้ นางโชติรส ศรีระสันต์ ผู้ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น จ.สงขลา ได้ร่วมถ่ายทอดบทเรียนคลองจำไหรที่ได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เมื่อปีพ.ศ.2531 เริ่มมีการขุดลอกคลองในปีพ.ศ.2535 โดยมีความกว้าง 70 เมตร ยาว 6 กิโลเมตร แต่ในปีพ.ศ.2536 เริ่มเกิดความแห้งแล้งขึ้นจากเดิมที่เคยมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี
จากการเดินสำรวจของชาวบ้านโดยการจัดเวทีประชาคม และกลุ่มย่อยต่างๆ พบว่าพันธุ์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพได้สูญเสียไป โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ริมคลองได้สูญหายไปประมาณ 246 ชนิด และพันธุ์สัตว์ประมาณ 187 ชนิด ผลกระทบที่หนักที่สุดคือ บ่อน้ำตื้นแห้งขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค เพราะเมื่อน้ำในคลองไม่มี บ่อน้ำตื้นก็จะหดหายไปเช่นกัน
จากนั้น ดร.สมพร ช่วยอารีย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนเรื่องทิศทางการไหลของน้ำ การเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ รวมทั้งมีการจำลองสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อหาทาง แก้ไขปัญหาร่วมกัน
จากเครือข่ายประชาชนรักษ์สิ่งแวดล้อมสงขลาได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไป ยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ก.พ.55 นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะอนุกรรมการฯ ได้ลงมารับฟังความคิดเห็นกรณีโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ และกรณีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอจะนะ ที่โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานก่อสร้างที่ 11 สำนักงานโครงการขนาดใหญ่ สำนักงานบำรุงทางสงขลาที่ 2 องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา และการทางรถไฟอ.จะนะ และนักวิชาการเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียด
นายเฉลิมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างที่ 11 สำนักงานโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กล่าวว่า ทางกรมชลประทานได้ศึกษาโครงการ เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบให้กับคนในพื้นที่ โดยการปล่อยให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ มีการวางแผนการดำเนินโครงการไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 มีการขุดลอกคลองปรับปรุงคลองเชื่อม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น
ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ และอยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ซึ่งไม่สามารถออกแบบระบบให้ใหญ่และการันตีได้ว่าน้ำไม่ท่วมอีก แต่สามารถให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการระบายน้ำได้ ปัจจุบันได้มีการขยายประตูระบายน้ำให้กว้างขึ้น ได้มีการขุดลอกคลองตอปลายของคลองน้ำเค็ม ซึ่งในปี พ.ศ.2555-2556 นี้จะพยายามเร่งขุดเพื่อระบายน้ำจาก อ.นาทวีให้ไหลลงสู่ทะเลได้
นายอดิเรก หมัดหมาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทับ กล่าวว่า พื้นที่ ต.นาทับ เป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ปัญหาในวันนี้คือชาวบ้านไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการชดเชยกันอย่างไร ตำแหน่งทางน้ำเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือจุดคลองที่ไหลลงสู่ทะเลซึ่งเป็นปัญหามาก ยกตัวอย่างคลองนาทับเดิมที่มีการสร้างเขื่อนกันทรายทำให้เกิดการกัดเซาะ อย่างรุนแรง บ้านสวนกง หมู่ที่ 11 ต.นาทับ จะเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ประเด็นปัญหาคือทางชลประทานได้ลงพื้นที่ชี้แจงชาวบ้านอย่างชัดเจนหรือไม่
ในประเด็นนี้ นางโชติรส ศรีระสันต์ ผู้ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น จ.สงขลา ได้ร่วมถ่ายทอดบทเรียนคลองจำไหรที่ได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เมื่อปีพ.ศ.2531 เริ่มมีการขุดลอกคลองในปีพ.ศ.2535 โดยมีความกว้าง 70 เมตร ยาว 6 กิโลเมตร แต่ในปีพ.ศ.2536 เริ่มเกิดความแห้งแล้งขึ้นจากเดิมที่เคยมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี
จากการเดินสำรวจของชาวบ้านโดยการจัดเวทีประชาคม และกลุ่มย่อยต่างๆ พบว่าพันธุ์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพได้สูญเสียไป โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ริมคลองได้สูญหายไปประมาณ 246 ชนิด และพันธุ์สัตว์ประมาณ 187 ชนิด ผลกระทบที่หนักที่สุดคือ บ่อน้ำตื้นแห้งขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค เพราะเมื่อน้ำในคลองไม่มี บ่อน้ำตื้นก็จะหดหายไปเช่นกัน
จากนั้น ดร.สมพร ช่วยอารีย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนเรื่องทิศทางการไหลของน้ำ การเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ รวมทั้งมีการจำลองสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อหาทาง แก้ไขปัญหาร่วมกัน
ด้านนายจรัญ ชีวทรรศน์ เครือข่ายฅนรักษ์จะนะ กล่าวว่า ตนได้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 ที่ศาลาประชาคม อ.จะนะ เวทีในวันนั้นประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขุดคลองใหม่และขยายคลอง แต่เห็นด้วยกับการขุดลอกคลองเพื่อทำให้น้ำไหลได้อย่างสะดวกและรักษาระบบ นิเวศน์ริมคลองไว้ ซึ่งต่างกับการรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่ตามที่เจ้าหน้าที่ชลประทาน ได้กล่าวถึง การดำเนินงานของโครงการขนาดใหญ่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ ชัดเจนก่อนที่จะมีการดำเนินการ
กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่คือเมื่อประมาณ 18 ปี ที่ผ่านมาชลประทานได้มีการก่อสร้างคลองส่งน้ำมาทิ้งค้างไว้ที่หมู่บ้านทุ่ง ใหญ่ ต.บ้านนา ส่งผลให้พื้นที่นากว่า 500 ไร่ ไม่สามารถทำนาได้เหมือนเดิม เนื่องจากมีปัญหาเรื่องที่ดิน
นายร่อเหม หมะสะมะ ชาวบ้านป่างาม ตำบลตลิ่งชัน กล่าวว่า จากการติดตามปัญหาเรื่องน้ำท่วมตนได้เรียนรู้และค้นหาสาเหตุ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมคือการสร้างถนนหลายสายที่ไม่มี ช่องทางการระบายน้ำ และการถมพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ มิใช่เกิดจากลักษณะคลองที่คดเคี้ยวตามที่ได้มีการกล่าวอ้าง
“จากการติดตามโครงการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ทำให้เห็น ว่าโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ มีความเชื่อมโยงกับโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านนาปรัง อ.นาทวี เพื่อนำน้ำมาใช้ในนิคมอุตสาหกรรม และสิ่งที่กังวลมากที่สุดต่อไปข้างหน้าจะมีบริษัทเข้ามาจัดการเรื่องน้ำ ที่จะมีการขายน้ำให้กับคนในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้จะมีผลประโยชน์มหาศาล” นายร่อเหมกล่าว
กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่คือเมื่อประมาณ 18 ปี ที่ผ่านมาชลประทานได้มีการก่อสร้างคลองส่งน้ำมาทิ้งค้างไว้ที่หมู่บ้านทุ่ง ใหญ่ ต.บ้านนา ส่งผลให้พื้นที่นากว่า 500 ไร่ ไม่สามารถทำนาได้เหมือนเดิม เนื่องจากมีปัญหาเรื่องที่ดิน
นายร่อเหม หมะสะมะ ชาวบ้านป่างาม ตำบลตลิ่งชัน กล่าวว่า จากการติดตามปัญหาเรื่องน้ำท่วมตนได้เรียนรู้และค้นหาสาเหตุ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมคือการสร้างถนนหลายสายที่ไม่มี ช่องทางการระบายน้ำ และการถมพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ มิใช่เกิดจากลักษณะคลองที่คดเคี้ยวตามที่ได้มีการกล่าวอ้าง
“จากการติดตามโครงการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ทำให้เห็น ว่าโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ มีความเชื่อมโยงกับโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านนาปรัง อ.นาทวี เพื่อนำน้ำมาใช้ในนิคมอุตสาหกรรม และสิ่งที่กังวลมากที่สุดต่อไปข้างหน้าจะมีบริษัทเข้ามาจัดการเรื่องน้ำ ที่จะมีการขายน้ำให้กับคนในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้จะมีผลประโยชน์มหาศาล” นายร่อเหมกล่าว
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น