กัปตันเรือเดินทะเลยันหมอกควันไฟป่าจากอินโดฯ ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินเรือขนาดใหญ่ เนื่องจากระบบที่ใช้ในการเดินเรือมีความทันสมัย ห่วงเรือประมงขนาดเล็กหากเจอหมอกควันและเรือใหญ่ ควรใช้ความระมัดระวัง และลดความเร็วลง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเรือชนกัน
กัปตันสมเจตน์ จิรัฐจินดา กัปตันเรือเบอบอน มรกต ซึ่งเป็นเรือรับส่งอุปกรณ์การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระหว่างท่าเรือ ปตท.สผ.กับแท่นผลิตและขุดเจาะบงกชเหนือ-ใต้ และแท่นอาทิตย์ ของ ปตท.สผ. กล่าวถึงกรณีที่ในช่วงนี้มีหมอกควันจากไฟป่าประเทศอินโดนีเซียปกคลุมในทะเล ว่า ในส่วนของเรือเดินทะเลจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว เพราะระบบที่ใช้ในการเดินเรือมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย อย่างเช่น เรดาร์ ระบบตรวจจับ ระบบเข้าเวรระวังฉุกเฉิน ซึ่งกลางทะเลมีระบบเซฟตี้ของเราอยู่แล้ว เรดาร์เราก็ตรวจจับเรือประมง วัตถุต่างๆ ที่ไม่ใช่น้ำทะเลเรียบร้อยอยู่แล้ว ช่วงที่มีหมอกจึงเป็นเรื่องปกติที่การเดินเรือประสบพบเจอ โดยทั่วๆ ไปแล้วไม่มีปัญหา
“ในส่วนของเรือประมง เมื่อมีหมอกลงในทะเล เขาก็จะมองเห็นเรือของเราชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเป็นตอนกลางคืนเราจะมีระบบไฟเข้ามาเกี่ยวข้อง ไฟเรือเดินของเรามันจะแยกชัดเจนว่า เรือวิ่งไปทางไหน ส่วนกลางวันก็จะเห็นเป็นรูปร่างเรือชัดเจน เมื่อเราเห็นเรือประมงเราก็หลบซ้ายหลบขวา เพราะเรือประมงปกติเขาจะไม่หลบเราอยู่แล้ว เราก็ต้องหลบเรือประมงด้วยตัวเราเอง กลางวันเราก็จะมองเห็นด้วยสายตา หากมีฝนตก หรือหมอกลงจัด เราก็จะใช้เรดาร์ตรวจจับ ซึ่งเราสามารถตรวจจับได้หมด” กัปตันสมเจตน์กล่าว
“ในส่วนของเรือประมง เมื่อมีหมอกลงในทะเล เขาก็จะมองเห็นเรือของเราชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเป็นตอนกลางคืนเราจะมีระบบไฟเข้ามาเกี่ยวข้อง ไฟเรือเดินของเรามันจะแยกชัดเจนว่า เรือวิ่งไปทางไหน ส่วนกลางวันก็จะเห็นเป็นรูปร่างเรือชัดเจน เมื่อเราเห็นเรือประมงเราก็หลบซ้ายหลบขวา เพราะเรือประมงปกติเขาจะไม่หลบเราอยู่แล้ว เราก็ต้องหลบเรือประมงด้วยตัวเราเอง กลางวันเราก็จะมองเห็นด้วยสายตา หากมีฝนตก หรือหมอกลงจัด เราก็จะใช้เรดาร์ตรวจจับ ซึ่งเราสามารถตรวจจับได้หมด” กัปตันสมเจตน์กล่าว
นอกจากนี้ กัปตันสมเจตน์ยังฝากเตือนเรือประมงว่า ในช่วงที่มีหมอกควันหนาแน่นในทะเลก็ขอให้ลดความเร็วเรือลงมาจากเดิม เมื่อเห็นเรือใหญ่ผ่านไปผ่านมาก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง และหลบให้เรือใหญ่ เพราะเรือใหญ่มันหลบยาก เรือเล็กมันหลบง่าย แค่หยุดอยู่เฉยๆ ให้เรือใหญ่วิ่งตัดหน้าไปก็ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่เรือประมงชอบตัดหน้าเรือใหญ่ เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องคลื่นที่อยู่ท้ายเรือ เพราะเรือใหญ่วิ่งไปมันมีคลื่นอยู่ด้านท้าย เขาก็เลยอยากจะวิ่งตัดหน้ามากกว่า การมองของเรือเล็กเขาก็คิดว่าเคลียร์ เขาสามารถวิ่งเร็วและหลบทันได้ แต่การมองของเรือใหญ่มันจะไม่เหมือนเรือเล็ก เรือใหญ่มอง 50-100 เมตร ถือว่าอันตรายแล้ว แต่เรือเล็กของเขา 50 เมตรถือว่าไม่อันตราย ทั้งนี้ เป็นห่วงในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุเรือชนกัน หากหมอกลงหนาทึบ
สำหรับเรือเบอบอน มรกต เป็นเรือรับส่งอุปกรณ์การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระหว่างท่าเรือ ปตท.สผ. กับแท่นผลิตและขุดเจาะบงกชเหนือ-ใต้ และแท่นอาทิตย์ ของ ปตท.สผ. ระยะทาง120-130 ไมล์ทะเล ใช้ระยะเวลาวิ่ง 12-13 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือในเวลาช่วงเย็นและจะไปถึงแท่นเจาะในเวลาเช้า โดยจะเดินทางในช่วงกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ ขนาดเรือ 1,800 ตันกรอส ยาว 60 เมตร กว้าง 15 เมตร กินน้ำลึก 5 เมตร มีลูกเรือทั้งหมด 16 คน
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น